วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

  หารือในมาตรการดังกล่าวนั้น
       ได้เร่ง
       ล่าสุด ทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คื  จากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดยทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมีจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน ได้เร่งหารือในมาตรการดังกล่าวนั้น
      
       ล่าสุด นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คืบหน้าของเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นัดผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาร่วมหารือในมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นมติที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้แต่ละโรงพยาบาลออกมาตรการการคุมเข้มการเบิกจ่ายยาในสิทธิ์ข้าราชการด้วยตนเองไปก่อน แล้วนำเสนอข้อสรุปต่อกระทรวงฯในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ทาง คกก.พิจารณา ยังไม่ได้สรุปเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า จะเร่งหารือให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
      
       นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
      
       “โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว

บหน้าของเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นัดผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาร่วมหารือในมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นมติที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้แต่ละโรงพยาบาลออกมาตรการการคุมเข้มการเบิกจ่ายยาในสิทธิ์ข้าราชการด้วยตนเองไปก่อน แล้วนำเสนอข้อสรุปต่อกระทรวงฯในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ทาง คกก.พิจารณา ยังไม่ได้สรุปเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า จะเร่งหารือให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
      
       นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
      
       “โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น