วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ยา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
ยา เป็นวัตถุที่รับรองไว้ในตำรายาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ, วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์หรือสัตว์, วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป หรือวัตถุที่มุ่งหมายสำหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้างหรือการกระทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] ประเภทของยา
แบ่งตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม[1]- ยาสามัญประจำบ้าน เป็นยาที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย โอกาสเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีน้อย ให้วางจำหน่ายได้โดยทั่วไป และผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อด้วยตนเองตามอาการเจ็บป่วย แต่ยาที่เป็นยาสามัญประจำบ้านได้นั้นต้องเป็นตำรับยา สรรพคุณ ขนาด วิธีใช้ คำเตือนการเก็บรักษา และขนาดบรรจุตามที่กำหนด
- ยาอันตราย เป็นยาที่ต้องขายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเท่านั้น
- ยาควบคุมพิเศษ เป็นยาที่จ่ายได้เมื่อมีการนำใบสั่งยามาซื้อยา กลุ่มนี้เป็นยาที่มีความเป็นพิษภัยสูงหรืออาจก่ออันตรายต่อสุขภาพได้ง่าย จึงเป็นยาที่ถูกจำกัดการใช้
วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
หารือในมาตรการดังกล่าวนั้น
ได้เร่ง
ล่าสุด ทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คื จากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดยทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมีจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน ได้เร่งหารือในมาตรการดังกล่าวนั้น
ล่าสุด นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คืบหน้าของเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นัดผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาร่วมหารือในมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นมติที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้แต่ละโรงพยาบาลออกมาตรการการคุมเข้มการเบิกจ่ายยาในสิทธิ์ข้าราชการด้วยตนเองไปก่อน แล้วนำเสนอข้อสรุปต่อกระทรวงฯในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ทาง คกก.พิจารณา ยังไม่ได้สรุปเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า จะเร่งหารือให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
“โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว
บหน้าของเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นัดผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาร่วมหารือในมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นมติที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้แต่ละโรงพยาบาลออกมาตรการการคุมเข้มการเบิกจ่ายยาในสิทธิ์ข้าราชการด้วยตนเองไปก่อน แล้วนำเสนอข้อสรุปต่อกระทรวงฯในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ทาง คกก.พิจารณา ยังไม่ได้สรุปเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า จะเร่งหารือให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
“โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว
ได้เร่ง
ล่าสุด ทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คื จากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดยทางคณะกรรมการพิจารณาสวัสดิการข้าราชการของ สธ. ซึ่งมีจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจพบการทุจริตยาในโรงพยาบาลหลายแห่ง และพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีส่วนในการสั่งจ่ายยาเกินความจำเป็น จนล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยากลุ่มที่ใช้สิทธิสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ โดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ. เป็นประธาน ได้เร่งหารือในมาตรการดังกล่าวนั้น
ล่าสุด นพ.ณรงค์ กล่าวถึงความ คืบหน้าของเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นัดผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาร่วมหารือในมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นมติที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้แต่ละโรงพยาบาลออกมาตรการการคุมเข้มการเบิกจ่ายยาในสิทธิ์ข้าราชการด้วยตนเองไปก่อน แล้วนำเสนอข้อสรุปต่อกระทรวงฯในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ทาง คกก.พิจารณา ยังไม่ได้สรุปเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่า จะเร่งหารือให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
“โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ทาง คกก.พิจารณา มีมติร่วมกันเช่นนั้น ก็เพราะเห็นว่า การสั่งจ่ายยาในระบบสวัสดิการข้าราชการของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากส่วนแบ่งของระบบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับหน่วยบริการอื่นๆ โดย สธ.มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเพียง 1 ใน 3 ของภาพรวมทั้งประเทศ และตนมั่นใจว่า สธ.จะมีมาตรการในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะออกเป็นมาตรการในครั้งเดียวไปเลยก็จะยาก เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีการเบิกจ่ายที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และประสบปัญหาต่างกัน ดังนั้น ต้องให้ผู้บริหารภายในได้สรุปประเด็นปัญหาแล้ววิเคราะห์ข้อมูลออกมา จากนั้นกำหนดมาตรการเอาเอง แล้วค่อยมาคุยกันในรายละเอียดโดยรวมภายหลังจะเหมาะกว่า
“โดยหลักๆ นั้น ทางโรงพยาบาลแต่ละแห่งต้องมีการเรียกประชุมบุคลากรทุกฝ่าย ทั้งเภสัชกร แพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ดูแลเรื่องการสั่งจ่ายยาทุกด้านด้วย เพื่อที่จะได้หาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม แล้วหลังจากนั้นเราจะเรียกประชุมอีกครั้ง ว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีข้อเสนออะไรบ้าง จะได้นำมาตั้งมาตรการหลักร่วมกันทั่วประเทศ” นพ.ณรงค์ กล่าว

"Good things come in pair" ดังวลีฝรั่งนี้ที่บอกว่าของทุกอย่างมีคู่แฝดอยู่เสมอ อาจเป็นแฝดเหมือนหรือแฝดต่างก็ได้ ซึ่งก็พ้องกับทางพระที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา และโลกธรรมแปดที่เล่าถึงคู่แห่งสัจธรรมในโลกนี้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา มีลาภก็ย่อมมีเสื่อมลาภได้ดังนี้เป็นต้น
ดังนั้น ในเรื่องของโอสถรักษาโรคก็ย่อมต้องมีคู่แฝดของมัน ที่ต้องมีทั้งแฝดที่ดีและแฝดที่ร้าย คล้ายเทวากับซาตานซึ่งเคยมีกรณีที่ถึงแก่ชีวิตมาแล้ว ซึ่งโดยมากมักเกิดจาก "ความไม่รู้" ในฤทธิ์อันไพศาลของยาแต่ละเม็ดที่กินอยู่ โดยเราจะค่อยมาดูกันไปทีละแฝดครับ
แฝดที่ดี
เสมือนคู่บุญ ยิ่งรู้จักกินให้เสริมกันก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพ หรือทำการรักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วย เพราะเรื่องของยาอาหารเสริมนี้มีหลักคือทำงานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)